ทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว ภัยร้ายของแสงแดดไม่เพียงแต่จะทำให้ผิวหน้าและตัวของเราหมองคล้ำเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ผิวหนังไหม้แดด มีกระ ฝ้า ผิวหนังแก่ก่อนวัย รวมถึงมะเร็งผิวหนังด้วย ฉะนั้นการป้องกันที่ดีอย่างหนึ่งก็คือการทาครีมกันแดดนั่นเอง แต่รู้ไหมว่าต้องทาเยอะแค่ไหน ? เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องการทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว ว่าเป็นปริมาณการทาครีมกันแดดที่เหมาะสม ทว่าในโลกออนไลน์ก็มีการถกเถียงกันว่า ควรจะทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือต่างหากถึงจะเพียงพอ แล้ววิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องเป็นแบบไหนกันแน่ ทำไมต้องทากันแดด 2 ข้อนิ้ว แล้ว 2 ข้อนิ้ว นี่คือยังไง ? วันนี้เรามีคำตอบค่ะ
ทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว VS 2 นิ้วมือ แบบไหนถูก ?
การทาครีมกันแดดในปริมาณที่น้อยเกินไปจะส่งผลให้ไม่สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดดและรังสียูวีได้ตามที่ควรจะเป็น ซึ่งค่า SPF ที่ระบุในครีมกันแดดนั้นมาจากการทดสอบที่ผิวหนัง โดยการทาปริมาณครีมกันแดดที่ 2 มิลลิกรัม ต่อพื้นที่ผิว 1 ตารางเซนติเมตร (2mg/cm2) ใช้เป็นมาตรฐานทั่วโลก ดังนั้นถ้าเราอยากให้ได้ค่า SPF ตามที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์กันแดดก็ต้องทาให้ถึง แต่เวลาทาจริงจะชั่งตวงยังไงดี เพราะคงไม่สะดวกนักในทางปฏิบัติ จึงมีวิธีคร่าว ๆ ดังนี้ Slotxo
1. ทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว หรือ 2 Finger Tip Unit (2 FTU)
จากงานวิจัย ค่าเฉลี่ยพื้นที่ผิวผู้ใหญ่คิดเป็น 1.73 ตารางเมตร ดังนั้นถ้าทากันแดดทั้งตัวก็ใช้ประมาณ 35 กรัม ซึ่งการกะประมาณพื้นที่ผิวประยุกต์มาจากวิธีทางการแพทย์ที่ใช้ในการประเมินความรุนแรงจากแผลไฟไหม้ โดยพื้นที่ผิวหน้าใช้การกะโดยประมาณจาก Rule of Palm คือพื้นที่ 1 ฝ่ามือรวมนิ้ว = พื้นที่ผิวประมาณ 1% ตีว่าใบหน้าของคนเรามีพื้นที่ประมาณ 3 ฝ่ามือ ก็คือ 3%
หากเทียบบัญญัติไตรยางค์ พื้นที่ผิว 100% ใช้ครีมปริมาณ 35 กรัม ถ้าพื้นที่ผิวหน้า 3% ก็ใช้ครีมกันแดดประมาณ 1.05 กรัม
ส่วนปริมาณครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว Slot ชั่งมาแล้วว่าเท่ากับ 1 กรัม โดย FTU หรือ Finger Tip Unit 1 หน่วย เท่ากับปริมาณครีมที่บีบจากหลอดที่มีความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 มิลลิเมตร เริ่มจากรอยพับสุดท้ายถึงปลายนิ้วชี้ จึงเป็นเหตุผลว่าการทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าต้องใช้ปริมาณไม่น้อยกว่า 2 ข้อนิ้ว และควรบีบให้เต็มนิ้วหรือพูนเล็กน้อย รับรองว่าไม่ขาดแน่นอน
อีกทฤษฎีหนึ่ง คิดสัดส่วนใบหน้าและลำคอในมนุษย์ผู้ใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 685 ตารางเซนติเมตร หากใช้สูตรมาตรฐาน 2mg/cm2 เทียบได้ว่าต้องใช้ปริมาณครีมกันแดดทั้งหมด 685 x 2 = 1,370 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1.3 กรัม ซึ่งอยู่ที่ราว ๆ 2.5 FTU หรือ 2 ข้อนิ้วครึ่ง นั่นเอง
- Tips : ควรแบ่งทาครีมกันแดด 2 รอบ โดยบีบครีมออกมาครั้งละ 1 ข้อนิ้ว ทาให้ทั่วหน้าแล้วรอให้ครีมซึมประมาน 3-5 นาที ค่อยทาอีกรอบหนึ่ง

2. ทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ หรือ 2 Finger Rule Sunscreen
สำหรับการทากันแดด 2 นิ้วมือ มาจากกฎ 9% (Rule of Nines) เป็นการแบ่งพื้นที่ผิวในร่างกายของเราออกเป็น 11 ส่วน แต่ละส่วนมีพื้นที่ 9% ประกอบด้วย
- ศีรษะ คอ ใบหน้า
- แขนซ้าย
- แขนขวา
- หลังส่วนบน
- หลังส่วนล่าง
- หน้าอก
- หน้าท้อง
- ขาซ้ายด้านหน้า
- ขาซ้ายด้านหลัง
- ขาขวาด้านหน้า
- ขาขวาด้านหลัง
แล้วแต่ละส่วนปริมาณครีมกันแดดที่เหมาะสมคือ 2 นิ้วมือ โดยบีบครีมจากโคนนิ้วถึงปลายนิ้วชี้และนิ้วกลาง ซึ่งควรบีบให้เต็ม ไม่เป็นเส้นบาง ๆ
สรุปแล้วการทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว ใช้กับการทาทั่วใบหน้า ส่วนการทาครีมกันแดด 2 นิ้วมือ ใช้ทาทั่วใบหน้าและลำคอทั้งด้านหน้า-หลัง ไม่ต้องสับสนกันแล้วค่ะ นอกจากนี้ยังมีการกะปริมาณทาครีมกันแดดแบบอื่น ๆ เช่น ทาทั่วตัวใช้ประมาณ 1 แก้วชอต หรือ 1 ลูกกอล์ฟ, ทาทั่วหน้า 1/4 ช้อนชา, 1 เหรียญนิกเกิล หรือ 1 เหรียญสิบ แต่วิธีเหล่านี้กะยากกว่าและมีโอกาสพลาด ในขณะที่วัดจากนิ้วจะใช้ได้จริงมากกว่าค่ะ
วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง วิธีเลือกครีมกันแดด
การทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ควรเริ่มตั้งแต่วิธีเลือกครีมกันแดด เนื่องจากรังสียูวีมีทั้ง UVA ที่ทำให้เกิดผิวแห้งกร้านและริ้วรอยก่อนวัยอันควร UVB เป็นสาเหตุให้ผิวไหม้แดด และ UVC ที่ไม่สามารถส่องผ่านมาถึงโลกได้ ดังนั้นเราจึงควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB โดยดูได้จาก
1. ค่า SPF (Sun Protective Factor) บ่งบอกถึงการป้องกัน UVB โดยถ้าใช้ SPF สูงมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันมากขึ้น
2. ค่า PA (Protective Grade of UVA) บ่งบอกการป้องกัน UVA
PA+ หมายถึงป้องกัน UVA ได้ 2-4 เท่า
PA++ หมายถึงป้องกัน UVA ได้ 4-8 เท่า
PA+++ หมายถึงป้องกัน UVA ได้ 8-16 เท่า
PA++++ หมายถึงป้องกัน UVA ได้มากกว่า 16 เท่า
3. Waterproof / Water Resistance กรณีเลือกครีมกันแดดกันน้ำ ควรมีข้อความระบุว่า Water Resistance หมายถึงกันน้ำได้นาน 40 นาที Very Water Resistance หมายถึงกันน้ำได้นาน 80 นาที
ทั้งนี้ ประเทศไทยค่อนข้างมีแดดจัดเกือบทั้งปี ครีมกันแดดที่ดีควรมีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และมีสัญลักษณ์ PA+++ หรือ PA++++ และหากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือมีเหงื่อออกมาก เช่น ว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เทนนิส ควรใช้ครีมกันแดดชนิดกันน้ำด้วย ปัญหาผิวช่วงหน้าฝน
สนับสนุนโดย : 5 วิธี แก้ปัญหาผมแห้งเสีย / วิธีล้างหน้าที่ถูกต้อง / เครื่องหนีบผม / วิธีเลือกชุดว่ายน้ำ
หมวดหมู่: ทรงผม หมวดหมู่: แต่งหน้า หมวดหมู่: ความรัก